Pages

Tuesday, June 30, 2020

Life & Health : เปิดเทอมนี้...ดูแลลูกรักให้ห่างไกลโรคติดต่อ - หนังสือพิมพ์แนวหน้า

mungkinbelum.blogspot.com

วันพุธ ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2563, 06.00 น.

เมื่อลูกรักต้องไปโรงเรียนคุณพ่อคุณแม่จะต้องสอนเรื่องการดูแลสุขภาพตนเองให้ห่างจากโรคภัยต่างๆ เพราะเด็กเป็นวัยที่มีระบบภูมิคุ้มกันไม่ดีเท่าผู้ใหญ่ เจ็บป่วยได้ง่าย ยิ่งปัจจุบันมีโรคติดต่อจากโรงเรียนที่เจอกันบ่อยๆ เช่น มือเท้าปาก ไข้หวัดใหญ่ตาแดง อีสุกอีใส ฯลฯ ล่าสุดมีโรคติดต่อร้ายแรงอย่างโรคไวรัสโควิด-19 มา ทำให้พ่อแม่หวั่นวิตกเพิ่มขึ้นอีกด้วย

ข้อมูลจาก รศ.พญ.ทิพวรรณหรรษคุณาชัย กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก เปิดเผยว่า คุณพ่อคุณแม่ นอกจากจะส่งเสริมให้ลูกเต็มที่กับการเรียนรู้ในโรงเรียนกันแล้ว แต่ต้องไม่ลืมที่จะสอนให้ลูกรู้จักวิธีการดูแลรักษาสุขภาพ และวิธีการป้องกันตัวเองควบคู่กันไป โดยเริ่มจาก

1.รู้จักดูแลสุขภาพตัวเองให้แข็งแรง เพราะร่างกายที่แข็งแรง ย่อมเป็นเกราะสำคัญในการป้องกันเชื้อโรคต่างๆ เข้าสู่ร่างกาย คุณจึงควรฝึกลูกในเรื่องต่างๆ ดังนี้

l เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ควรสอนให้ลูกรู้จักเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และสะอาดถูกสุขอนามัย กินอาหารครบวันละ 3 มื้อ โดยในแต่ละมื้อมีสารอาหารครบ5 หมู่ และปริมาณที่เพียงพอ เริ่มจากการเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก ชักชวนให้ลูกรับประทานข้าว เนื้อสัตว์ ไข่ นม ผัก และผลไม้ เพื่อให้เด็กได้รับสารอาหารครบถ้วน สมดุลตามความต้องการของร่างกายตามวัย รวมถึงสอนให้รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่สะอาด ไม่มีแมลงวันตอม หลีกเลี่ยงอาหารสดในตู้แช่ที่ค้างคืนหรืออาหารสุกๆ ดิบๆ เมื่อได้รับอาหารที่มีประโยชน์แล้วลูกก็จะมีสุขภาพดีเจริญเติบโตสมวัย

l ดื่มน้ำเปล่าที่สะอาดให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกายเป็นประจำ โดยเฉพาะในวันที่มีอากาศร้อนหรือหลังจากเล่นออกกำลังกายที่เสียเหงื่อมาก

l นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเมื่อจอมซนต้องเผชิญกับกิจกรรมต่างๆ มาทั้งวัน ควรให้เขามีสุขภาวะการนอนหลับพักผ่อนที่ดี เข้านอนเป็นเวลาสม่ำเสมอ ระยะเวลาการนอนเหมาะสมกับวัย เช่น วัยอนุบาล ควรนอนวันละ 10-13 ชั่วโมง เพื่อคืนความสดชื่นแจ่มใสในเช้าวันใหม่มีสมองที่ปลอดโปร่งสามารถเรียนรู้และจดจำสิ่งต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะด้านอารมณ์ สังคม และพฤติกรรมที่ดี อีกทั้งยังทำให้ระบบต่างๆ ของร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติ

l ฝึกลูกให้รักการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พ่อแม่ไม่ควรปล่อยให้ลูกติดสมาร์ทโฟนมากเกินไปจนละเลยการออกกำลังกายอย่างเด็ดขาดในแต่ละวันควรให้ลูกได้เล่นกีฬาที่ตัวเองชอบ เพราะจะช่วยให้อวัยวะต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประสาทสัมผัสทุกส่วนมีความตื่นตัว มีภูมิคุ้มกันที่ดี ไม่เจ็บป่วยง่าย ช่วงที่มีโรคไวรัสโควิด-19 ระบาด อาจจะออกกำลังกายในบ้านหรือกลางแจ้ง หากออกนอกบ้านก็ควรสวมหน้ากากอนามัยด้วย

2.ดูแลรักษาความสะอาดของตนเอง เด็กชอบซุกซน เนื้อตัวเปรอะเปื้อน ชอบค้นคว้าหยิบจับสิ่งต่างๆ รอบตัว ควรฝึกให้รักษาความสะอาดอยู่เสมอ โดยวิธีที่จะสอนให้ลูกรักรู้จักรับมือกับต่างๆ คือ

l หมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ เป็นวิธีการดูแลตัวเองอย่างง่ายๆ ที่จะช่วยป้องกันภัยจากเชื้อโรคได้ โดยสอนลูกหมั่นตัดเล็บมือให้สั้นอยู่เสมอ ให้ล้างมือทุกครั้งหลังเข้าห้องน้ำ ก่อนและหลังกินอาหารหรือขนมหลังเล่นกับเพื่อนๆ ที่โรงเรียน เล่นกับสัตว์เลี้ยง หรือเมื่อเล่นเลอะเทอะจากข้างนอก วิธีล้างมือที่ถูกต้องคือ ล้างถูฝ่ามือ หลังมือ นิ้วมือ ง่ามนิ้วมือปลายนิ้ว และข้อมือ ให้ถูเป็นเวลาอย่างน้อย 20 วินาที หรืออาจใช้เจลแอลกอฮอล์ซึ่งสะดวกในการพกพาทำความสะอาดมือในกรณีที่ไม่สามารถหาที่ล้างมือได้สะดวก

l อาบน้ำให้สะอาด เมื่อลูกกลับจากโรงเรียนต้องฝึกให้ลูกรับผิดชอบตนเอง อาบน้ำสระผมและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สะอาด เพื่อเป็นการชำระคราบเหงื่อไคลและเชื้อโรคที่อาจอยู่ตามเสื้อผ้า เนื้อตัว เพราะตลอดทั้งวันนั้นลูกทำกิจกรรมต่างๆ มากมาย

l ไม่เอามือไปแคะจมูก เอามือเข้าปาก หรือขยี้ตา ควรสอนไม่ให้เอามือไปแคะแกะเกาที่จมูก ปาก หรือตา เพราะมืออาจสัมผัสกับเชื้อโรคตามที่ต่างๆ โดยที่ตาเปล่ามองไม่เห็น และทำให้เชื้อโรคจากมือเข้าสู่ร่างกายโดยไม่รู้ตัวซึ่งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้

l รักษาความสะอาดในเรื่องของการขับถ่าย ควรฝึกให้รู้จักวิธีทำความสะอาดสุขภัณฑ์ก่อนและหลังขับถ่ายเสร็จให้เรียบร้อย โดยปิดฝาชักโครกก่อนกดน้ำทำความสะอาด ทิ้งทิสชูที่ใช้แล้วลงในถังที่จัดเตรียมไว้ แล้วล้างมือด้วยน้ำและสบู่ทุกครั้ง

3. รักษาอนามัยตนเองในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น ลูกอาจเป็นผู้แพร่เชื้อหรือรับเชื้อจากผู้อื่นได้จากการเดินทาง การเข้าโรงเรียนหรือการทำกิจกรรมต่างๆ พ่อแม่จึงต้องฝึกให้ลูกดูแลป้องกันตัวเองด้วยการ

l หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับคนที่ไม่สบาย  ในโรงเรียนอาจมีเพื่อนไม่สบายจากการติดเชื้อมาจากต่างที่กันและติดต่อกันได้เมื่อเด็กๆ มาเล่นกันอย่างใกล้ชิด ควรสอนให้ลูกสวมหน้ากากอนามัยหากลูกมีอาการ ไอ จาม น้ำมูก และหลีกเลี่ยงการเล่นกับเพื่อนที่ไม่สบาย โดยให้เขาคอยสังเกตว่าถ้ามีเพื่อนคนไหนมีอาการไอ จาม หรือน้ำมูก ก็ควรหยุดเล่นกับเพื่อนหรืออยู่ห่างจากเพื่อนไปก่อน โดยเฉพาะช่วงที่มีโรคไวรัสโควิด-19 ระบาด ควรเว้นระยะห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 2 เมตร หรือ 4-5 ช่วงแขนของเด็กๆ

l ปิดปากเมื่อไอ จามอย่างถูกวิธี หากรู้สึกว่าจะไอ หรือจามควรใช้กระดาษทิสชูปิดปากแล้วทิ้งลงในถังขยะที่มีฝาปิดทันที หรือไอ จามใส่ข้อศอก โดยยกแขนใช้มุมข้อศอกปิดปากและจมูกตนเอง หรือหากจำเป็นต้องไอใส่มือที่ปิดปาก ก็ควรจะรีบไปล้างมือด้วยน้ำและสบู่ทันที ที่สำคัญโดยเฉพาะช่วงที่มีโรคไวรัสโควิด-19 ระบาดควรใส่หน้ากากอนามัยอยู่เสมอ

l ใช้ช้อนกลาง หากรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น หรือคนในบ้านก็ตาม พ่อแม่ต้องฝึกให้ลูกรู้จักใช้ช้อนกลางจนเป็นนิสัย รวมทั้งมีแก้วน้ำประจำตัว เพื่อป้องกันโรคที่มักจะติดต่อกันได้ทางน้ำลาย โดยเฉพาะช่วงที่มีโรคไวรัสโควิด-19 ระบาดทุกคนควรมีช้อนกลางเป็นของตนเอง

l ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น คุณต้องสอนลูกว่าไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับคนอื่น เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว แก้วน้ำ จาน ชาม ช้อน เพราะสิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นตัวนำเชื้อโรคมาสู่เขาได้ง่ายๆ นั่นเอง

การปลูกฝังให้ลูกรักมีสุขอนามัยที่ดี ถือเป็นทักษะที่สำคัญโดยเฉพาะการล้างมือด้วยน้ำและสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์บ่อยๆ จะช่วยให้ลูกห่างไกลจากโรค ไม่เจ็บป่วย เติบโตสมวัย และมีอารมณ์ที่แจ่มใสร่าเริง พร้อมต่อการเรียนรู้ในเรื่องต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์

ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ

Let's block ads! (Why?)



"ต่างๆ" - Google News
July 01, 2020 at 06:00AM
https://ift.tt/2BXQWIs

Life & Health : เปิดเทอมนี้...ดูแลลูกรักให้ห่างไกลโรคติดต่อ - หนังสือพิมพ์แนวหน้า
"ต่างๆ" - Google News
https://ift.tt/36O1zJu
Home To Blog

No comments:

Post a Comment