ฉุดกระแสรัฐบาล “ขาลง” แนวดิ่งแบบ 90 องศา
อารมณ์แบบที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พูดสั้นๆ “ขอให้โชคดี” ขณะนำคณะรัฐมนตรีถ่ายภาพหมู่เป็นที่ระลึก “ครม.ประยุทธ์ 2/2” หน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังนำรัฐมนตรีใหม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ฯ ก่อนปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ
ประเดิมประชุม ครม.นัดแรก เข้าสู่โหมดลุยไฟ
ท่ามกลางมหาวิกฤติเศรษฐกิจโควิด-19 กำลังถาโถมหนัก ตัวเลขคนว่างงานสูงขึ้นรายวัน ธุรกิจเจ๊ง โรงงานทยอยปิดกิจการ สถานการณ์บีบให้ต้องเปิดประเทศ เสี่ยงกับไวรัสมรณะเด้งกลับรอบสอง
โรคระบาดยังล้อมเมือง โรคปากท้องกำลังรุมเร้า
ปมร้อนขมวดเกลียวเป็นวัวพันหลัก โจทย์ปัญหาหนักแก้โคตรยาก
และจากคำอธิบายของผู้นำ แจกแจงการปรับ ครม. วางตัวคน เช่น นายดอน ปรมัตถ์วินัย ควบตำแหน่งรองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ เพื่อรับภารกิจเจรจาการค้ากับนานาชาติไปในตัว หรือการเปิดโควตาให้นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ นั่ง รมช.แรงงาน เพื่อดึงกระทรวงแรงงานมาอยู่ในกระทรวงเศรษฐกิจ
โชว์คิดข้ามช็อต โยงผลสัมฤทธิ์ในเชิงบริหารเนื้องาน
นั่นหมายถึง พล.อ.ประยุทธ์ก็รู้อยู่แก่ใจแล้วว่าจะต้องเจอกับสถานการณ์อะไร
แต่จากการงานแบ่งงานใหม่ใน ครม. โฟกัสแค่กระทรวงอุตสาหกรรมที่โยกมาอยู่ภายใต้กำกับของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ที่รับผิดชอบกระทรวงด้านสังคม
มันอธิบายลำบาก นอกจากเหตุเคลียร์ปมขบเหลี่ยมการเมือง
เรื่องของเรื่อง การวางหมาก ครม.เลือกมืองานมาลุยมหาวิกฤติโควิด-19 ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเต็มตัวเต็มฟอร์ม “บิ๊กตู่” ต้องยอมรับสภาพกับผลลัพธ์การปรับ ครม.ที่จะออกมา
ตามรูปการณ์น่าจะเป็นโอกาสปรับเปลี่ยนครั้งท้ายๆ
ภายใต้บรรยากาศสถานการณ์ พายุใหญ่ตั้งเค้า จ่อพัดกระหน่ำรัฐบาล
โดยปรากฏการณ์เคลื่อนไหวของนักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่ยกระดับจาก “เยาวชนปลดแอก” เป็นเครือข่าย “ประชาชนปลดแอก” ขยายพลังแนวร่วมในกลุ่มคนทั่วไป
ชูธง 3 ข้อเรียกร้อง 2 จุดยืน และ 1 ความฝัน

3 ข้อเรียกร้อง 1.รัฐบาลต้อง “หยุดคุกคามประชาชน” ที่ออกมาใช้สิทธิและเสรีภาพตามหลักการประชาธิปไตย 2. รัฐบาลต้อง “ร่างรัฐธรรมนูญใหม่” ที่มาจากเจตจำนงของประชาชน เพื่อประโยชน์แก่สาธารณชนอย่างแท้จริง 3.รัฐบาลต้อง “ยุบสภา” เพื่อเป็นการเปิดทางให้ประชาชนสามารถแสดงเจตจำนงในการเลือกผู้แทนของตนได้อีกครั้ง
2 จุดยืน คือ 1.ต้องไม่มีการทำรัฐประหาร 2.ต้องไม่มีการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ
และอีก 1 ความฝันที่คณะประชาชนปลดแอกหวังให้เกิดขึ้นในประเทศไทยคือ การมี “ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ” อย่างแท้จริง
เชิดฉิ่ง โหมโรง นัดชุมนุมใหญ่ 16 สิงหาคม 2563 ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
แน่นอน ในมุม 3 ข้อเรียกร้องกับ 2 จุดยืน ถือว่าเข้าเหลี่ยม “ยากจะฝืน”
ท่ามกลางวิกฤติรัฐบาลขาลง ทีม 3 ป. กำลังลนลาน เจอทั้งปรากฏการณ์ทางคดี “บอส อยู่วิทยา” ที่ประจานการปฏิรูปตำรวจ อัยการ ไปไม่ถึงไหน แถมยังมาเจอปูดข่าวการเรียกรับเงินจากหน่วยราชการในที่ประชุมคณะอนุกรรมาธิการงบประมาณประจำปี 2564 ตอกย้ำความเน่าไปกันใหญ่
เงื่อนไขสถานการณ์บีบ ไฟต์บังคับ “ถอยสุดซอย”
ตามอาการแบบที่ “ส.ว.ลากตั้ง” สายเชียร์ลีดเดอร์คสช.อย่างนายวันชัย สอนศิริ หรือนายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา ต่างออกมากระตุกรัฐบาลยอมตามน้ำ อย่าเสี่ยงขวางลำนักศึกษา
เปิดช่องให้รื้ออำนาจ ส.ว. โละออปชันเลือกนายกรัฐมนตรี
ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลอย่างทีมประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยก็ได้ทีโหนขบวนนักศึกษาแสดงความพร้อมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รื้ออำนาจ ส.ว. สกัดเกมลากยาวทีม 3 ป.
แม้แต่ “บิ๊กตู่” เองยังแบะท่า พร้อมรับฟังข้อเสนอของนักศึกษา
ประตูสู่การรื้อรัฐธรรมนูญฉบับ “เอื้อพวกเรา” ที่เคยล็อกแน่น เปิดอ้าซ่า
ถ้าไม่บังเอิญว่า “1 ความฝัน” มันร้อนเกินพิกัด
เชื่อมโยงกับปรากฏการณ์ “แหลมๆเสียวๆ” บนเวที “ธรรมศาสตร์จะไม่ทน” ณ ลานพญานาค มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ที่มีการเปิด 10 ข้อเรียกร้อง “ล้ำเขตแดนอันตราย”
กลายเป็น “ชนวน” เผชิญหน้าทางสังคม
แรงระเบิด “ทะลุเพดาน” ของม็อบนักศึกษา กระตุกรอยแตกแยก คนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ อาการแบบที่ฝ่ายหนุนรัฐบาล แนวต้านนักศึกษา ดาหน้าออกมาขย่ม
เรียกร้องฝ่ายความมั่นคงจัดการขั้นเด็ดขาดกับเด็กเฮี้ยว
ขณะเดียวกัน อาจารย์ สภามหาวิทยาลัย ทั้งมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต่างออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนให้รัฐบาลปกป้องการแสดงความเห็นตามระบอบประชาธิปไตย
พลังของฝ่ายนักศึกษาก็ไม่ได้ต่อสู้อย่างเดียวดาย
ตามรูปการณ์ มันท้าทายฉากประวัติศาสตร์เลือด “ตุลา 19”
อย่างไรก็ตาม ในมุมของผู้เชี่ยวชาญการเมืองยังเดาเกม วิเคราะห์หมากการเคลื่อนของนักศึกษาที่เร่งเครื่องร้อนเกินพิกัดแต่หัววัน มันอาจเป็นเรื่องของเกมการต่อรอง
ลากไปจุดสุดโต่ง แล้วค่อยดึงมาเจอกันตรงกลาง
แค่การเร้าหมาก “สลับไพ่” ยังไม่ถึงขั้นเกมแลกเลือด
ที่แน่ๆคือการยกระดับแรงกดทับไหลไปตกที่ “บิ๊กตู่” และขุมอำนาจรัฐบาล 3 ป.
ภายใต้ภาวะล่อแหลม ถ้าไม่ดำเนินการกับแกนนำนักศึกษาก็จะโดนด่าละเลย ไม่ปกป้องสถาบัน แต่ขืนลงมือรุนแรงกับแกนนำม็อบ ก็หนีไม่พ้นข้อหาทำร้ายเด็ก เผด็จการสกัดกั้นอนาคตของชาติ
นั่นไม่เท่ากับข้อหา ถือโอกาส “โหน” ต่อเวลาอำนาจ 3 ป.
แต่ไม่ว่าจะล้อประวัติศาสตร์เลือด ยั่วกันยังไง ทุกฝ่ายควรนับหนึ่งถึงสิบ ท่องคาถายับยั้งชั่งใจ
อย่าลืมว่า ประเทศไทยยังไม่ฟื้นตัวดีจากวิกฤติความแตกแยกลากยาวมากว่า10 ปี มาเจอมหาวิกฤติโควิด-19 ซ้ำยังไม่รู้เศรษฐกิจจะดิ่งเหว ไหลลึกไปอีกแค่ไหน
ถ้าเกิดสงครามกลางเมืองเมื่อไหร่ ประเทศไทยกู่ไม่กลับแน่.
“ทีมการเมือง”
"ต่างๆ" - Google News
August 16, 2020 at 05:03AM
https://ift.tt/2Y580ou
จับตา “ประยุทธ์” เผชิญม็อบนักศึกษาร้อนเกินพิกัด ยับยั้งชั่งใจ ก่อนกู่ไม่กลับ - ไทยรัฐ
"ต่างๆ" - Google News
https://ift.tt/36O1zJu
Home To Blog

No comments:
Post a Comment