เมื่อช่วงไม่นานที่ผ่านมา...เคยว่าๆ กันถึงเรื่องความเป็น “พันธมิตรทางทหาร” ที่ชักปรากฏตัวให้เห็นเด่นชัดยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ในโลกยุคที่การ “แบ่งข้าง-เลือกข้าง” เริ่มกลายสิ่งที่มิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้อีกต่อไป อย่างเช่นการเกาะกลุ่มรวมตัวของประเทศ “QAUD Alliance” (The Quadrilateral Security Dialogue) อันประกอบไปด้วยอเมริกา-อินเดีย-ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ที่ได้กลายเป็นตัวสนับสนุน ส่งเสริม ให้ “ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก” ของคุณพ่ออเมริกา ที่เอาไว้ปิดล้อม เล่นงาน คุณพี่จีนกันโดยเฉพาะ เป็นอะไรที่เป็นเรื่อง เป็นราว หรือทำให้เกิดเรื่อง เกิดราว ขึ้นมาในภูมิภาคเอเชีย ไปจนในทะเลจีนใต้ อยู่จนทุกวันนี้...
วันนี้...เลยคงต้องขออนุญาตชวนไปว่ากันถึงเรื่องความเป็น “พันธมิตรด้านข่าวกรอง” ระหว่างประเทศต่างๆ กันดูมั่ง โดยเฉพาะการเกาะกลุ่ม รวมตัวของกลุ่มประเทศที่เรียกๆ กันว่า “FVEY Alliance” หรือ “Five Eyes Network” หรือจะเรียกๆ ว่ากลุ่มประเทศ “พันธมิตร 5 ตา” ก็น่าจะไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด อันประกอบไปด้วยคุณพ่ออเมริกา อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ที่ว่าไปแล้ว...ต้องถือว่าเป็นกลุ่มพันธมิตรที่เก่าแก่เอามากๆ หรือเริ่มต้นก่อรูป ก่อร่าง เป็นวุ้นและเป็นตัวเป็นตนมาตั้งแต่ก่อน “สงครามโลกครั้งที่ 2” หรือก่อนหน้านั้นไปอีกก็ว่าได้ เกิดขึ้นมาจากความร่วมมือ-ร่วมใจระหว่างบรรดา “ชาวอังกฤษ” กับ “ชาวอเมริกัน” ผู้ที่ถือว่าตัวเองสืบเชื้อสายมาจากพวก “แองโกล-แซกซอน” ไปด้วยกันทั้งคู่ อันเป็น “เผ่าพันธุ์มนุษย์” ที่ออกจะวิเศษ วิเสโส เป็นอะไรที่สูงส่งกว่ามวลมนุษย์เผ่าอื่นๆ หรือเหมาะที่จะเป็นผู้ปกครอง ดูแล และควบคุมโลกใบนี้เอาไว้ทั้งโลก อันเป็นแนวคิดที่มีมานานแล้ว ในหมู่บรรดาพวก “ฝรั่ง” ทั้งหลาย...
ไม่ว่าตั้งอภิมหานักกฎหมายชาวสเปน อย่าง “Francisco de Vitoria” ที่ฝันอยากจะเห็นทุกสิ่งทุกอย่างภายในโลกใบนี้อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันและมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด ภายใต้ความเป็น “Res Publica Totius Orbis” หรือ “Republic of the Whole World” หรือ “สาธารณรัฐโลก” อะไรประมาณนั้น หรืออภิมหานักปรัชญาชาวเยอรมัน อย่าง “Immanuel Kant” ที่อยากจะเห็น “รัฐบาลโลก” อุบัติขึ้นมาอย่างเป็นจริง เป็นจัง เพื่อนำพาโลกทั้งโลกไปสู่ “สันติภาพชั่วกัลปาวสาน” (Perpetual Peace) ด้วยการผนวกเอารัฐชาติต่างๆ เข้าไปรวมกันเป็นสหพันธ์ หรือสหรัฐฯ ก่อนจะแปรสภาพผู้คนพลเมืองในแต่ละชาติให้กลายเป็น “พลโลก” หรือ “World Citizenship” จนไม่มีอะไรต้องขัดแย้ง แตกแยกกันอีกต่อไป อะไรประมาณนั้น...
และเมื่อบรรดา “ฝรั่ง” ทั้งหลาย...ออกไปยึดโลก หรือผนวกเอารัฐชาติและดินแดนต่างๆ มาไว้เป็น “อาณานิคม” ของตัวเอง ในยุคของการล่าอาณานิคม จนทำให้ “จักรวรรดิอังกฤษ” กลายเป็น “จักรวรรดิที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน” ความคิดที่จะทำให้โลกทั้งโลกอยู่ภายใต้การควบคุม ดูแลของเผ่าพันธุ์มนุษย์ประเภท “แองโกล-แซกซอน” เป็นหลัก ก็จึงกลายเป็นเรื่อง เป็นราว หรือไม่ใช่ความเพ้อๆ ฝันๆ อีกต่อไป ความพยายาม “ควบรวม” หรือรวบรวมและควบคุมเอาบรรดา “ทรัพยากร” สำคัญต่างๆ เท่าที่มีอยู่ในโลกใบนี้ ให้อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของชาวแองโกล-แซกซอน ที่มีอำนาจ บทบาท อยู่ในประเทศอังกฤษและอเมริกา จึงมีมาตั้งแต่บริษัทผูกขาดการค้าเพชร ผลิตเพชร สัญชาติอังกฤษ อย่างบริษัท “เดอ เบียร์ส” (De Beers Mining Company) ของอภิมหาพ่อค้าอย่าง “นายซีซิล โรดส์” (Cecil John Rhodes) กับบริษัทผูกขาดเหมืองแร่ธาตุต่างๆ สัญชาติอเมริกา อย่างบริษัท “AAC” (Anglo-American Corporation of South Africa) ของนักธุรกิจอเมริกัน อย่าง “นายเจ.เพียร์พอนต์ มอร์แกน” (J. Pierpont Morgan) ได้ตัดสินควบรวมกิจการ จนไม่เพียงสามารถผูกขาดตลาดเพชรประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ ที่มีอยู่ในโลกนี้ ยังสามารถควบคุมปริมาณทองคำ และสินแร่มีค่านานาชนิด ไม่ว่าเหล็ก ทองแดง ถ่านหิน นิเกิล ไปจนถึงแพลตตินัม ฯลฯ หรือได้กลายเป็น “บรรษัทโลก” ที่มีบทบาท อิทธิพลต่อรัฐชาติต่างๆ ไม่ว่าโดยทางตรง หรือทางอ้อม ก็แล้วแต่...
และหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 สิ้นสุดลงไปแค่ไม่กี่ปี...การรวมตัวกันระหว่างบริษัทน้ำมันสัญชาติอังกฤษกับอเมริกา หรือระหว่างบริษัท “Royal Dutch Shale” และ “British Petroleum-BP” ของอังกฤษ กับ “Standard Oil” หรือ “Exxon” ของอเมริกา ก็สามารถทำให้แหล่งน้ำมันในตะวันออกกลางแทบทั้งหมด ตกอยู่ในมือของกลุ่มบริษัทแองโกล-แซกซอน หรือแองโกล-อเมริกัน ที่เรียกๆ กันว่า “เจ็ดนางยักษ์” (Seven Sisters) หรือบริษัทร่วมทุนระหว่างอเมริกา-อังกฤษ ไม่ว่าโดยใช้ชื่อ “เอ็กซอน” “โมบิล” “เชฟรอน” “เท็กซาโก” หรือ “กัลฟ์ ออยล์” ฯลฯ ใดๆ ก็แล้วแต่ โดยบรรดาความร่วมมือเหล่านี้ คงไม่ได้หยุดยั้งอยู่เพียงแค่เรื่องเงิน-เรื่องทอง หรือเรื่องการควบคุม ผูกขาด ทรัพยากรต่างๆ แต่เพียงเท่านั้น แต่ยังพยายามยกระดับไปสู่บทบาท อำนาจ และอิทธิพล ในระดับต่างๆ เช่นการเข้าไปมีส่วนกำหนดนโยบายต่างประเทศของประเทศทั้งสอง โดยในอังกฤษผ่านสถาบันที่เรียกขานกันในนาม “RIIA” (The Royal Institute of International Affairs) และในอเมริกาผ่านสถาบันที่เรียกขานกันในนาม “CFR” (Council on foreign Relations) ที่ต่างก็มี “บรรษัทโลก” เหล่านี้ ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลังไปด้วยกันทั้งสิ้น จนสามารถก่อให้เกิด “มาตรฐาน” ในระดับโลก อย่าง “ระบบเบรตตันวูดส์” (The Bretton Woods System) ในเรื่องเงินๆ-ทองๆ หรือเกิดองค์กรระดับโลก อย่างเช่น “IMF” และ “World Bank” ในเวลาต่อมา...
ดังนั้น...การร่วมมือกันเป็น “พันธมิตรด้านข่าวกรอง” จึงมีจุดเริ่มต้นไม่ได้ต่างอะไรไปจากกัน คือเริ่มจากการอาศัยข้อตกลงที่เรียกกันว่า “UKUSA-Agreement” (United Kingdom-United State of America Agreement) ที่มีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1941 โน่นเลย และด้วยการลงนามในเอกสารข้อตกลงความยาวประมาณ 10 หน้ากระดาษ ระหว่างหัวหน้าหน่วยข่าวกรองอังกฤษ อย่าง “พันเอกPatrick Marr-Johnson” กับหัวหน้าหน่วยข่าวกรองทัพบก-ทัพเรืออเมริกา “พลโทHoyt Vandenberg” ในช่วงปี ค.ศ. 1946 พันธมิตรด้านข่าวกรองอย่าง “Five Eyes” ก็จึงเริ่มถือกำเนิดขึ้นมา ก่อนแผ่ขยายไปดึงเอาบรรดาประเทศที่มีพวก “แองโกล-แซกซอน” ทั้งหลายมีอำนาจและบทบาท เช่น แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เข้ามาเป็นแขน เป็นขา จนครบความเป็น “พันธมิตร 5 ตา” จนตราบเท่าทุกวันนี้...
พันธมิตรในกลุ่ม “Five Eyes” ที่ว่า ถ้าว่ากันตามคำนิยามของ “นักแฉ” ระดับโลกอย่าง “นายเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน” (Edward Snowden) ก็ต้องถือเป็น “Supranational Union” หรือเป็นสหพันธ์อำนาจการเมืองและสหพันธ์จารกรรมในระดับโลก ที่ไม่ต่างอะไรไปจาก “รัฐบาลโลก” เอาเลยก็ว่าได้ คือไม่เพียงแต่เป็นการรวมหัว รวมตัว เพื่อแบ่งปันข้อมูล ข่าวกรองสำคัญๆ (SIGINT)ไปจนข่าวกรองทางการทหาร (Defense Intelligence) เท่านั้น แต่ยังร่วมแบ่งปันข้อมูล “HUMINT” (Human Intelligence) และ “GEOINT” (Geospatial Intelligence) อันมีที่มาจากการแอบสอดแนมพลเมืองภายในประเทศตัวเอง ไม่ว่าในแง่พฤติกรรม ความคิด ความรู้สึก เพื่อนำไปสู่การควบคุม “พลโลก” ทั้งมวลเอาไว้ให้จงได้...
ด้วยเหตุนี้...จึงถือเป็นเรื่องไม่น่าแปลกใจอะไรมากมาย ที่หนึ่งในประเทศ “Five Eyes” อย่างอังกฤษ ที่เคย “เปิดไฟเขียว” ให้กับบริษัทเทคโนโลยีสื่อสารของจีน อย่าง “หัวเว่ย” (Huawei) มาก่อนหน้านั้น จะกลับลำ พลิกลำ หันมาต่อต้านเล่นงานห้ามไม่ให้จัดซื้อและถอดถอนอุปกรณ์หัวเว่ย ออกจากเครือข่าย 5G แบบทั้งแผง ทั้งยวง รวมทั้งผนวกการต่อต้านจีนในกรณีฮ่องกงควบคู่ไปด้วย ไม่ต่างไปจากทุกประเทศในเครือข่าย “Five Eyes” ทั้งหลาย แม้ว่าการพลิกลำ กลับลำ หรือการหันมาต่อต้านจีนในกรณีดังกล่าว จะก่อให้เกิดความเสียหายทางการเมือง-เศรษฐกิจและเทคโนโลยี ต่อประเทศตัวเองในระดับหนักหนาสาหัสเพียงใดก็ตาม รวมทั้งอาจใช้เป็นคำตอบ คำอธิบาย ถึงการต่อต้าน “ลิงไทย-กะทิไทย” อีกด้วยก็ยังได้ เพราะภายใต้ความเป็นไปของโลกที่ถึงเวลาต้อง “เลือกข้าง-แบ่งข้าง” การอาศัย “พันธมิตรทางทหาร” หรือ “พันธมิตรข่าวกรอง” ก็แล้วแต่ เป็นแรงกด แรงบีบ ให้โลกทั้งโลกต้องเป็นไปตามที่ตัวเองปรารถนาและต้องการ จึงถือเป็น “ข้อเสนอที่เอ็งมิอาจปฏิเสธได้” นั่นแล...
"ต่างๆ" - Google News
July 22, 2020 at 04:49PM
https://ift.tt/2E2gnK4
ว่าด้วย “กลุ่มพันธมิตร 5 ตา” - ผู้จัดการออนไลน์
"ต่างๆ" - Google News
https://ift.tt/36O1zJu
Home To Blog
No comments:
Post a Comment