ในขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในบางประเทศมีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ในการควบคุมป้องกันลง เพราะจำนวนการติดเชื้อและแนวโน้มการแพร่ระบาดอยู่ในอัตราที่ทางรัฐบาลของประเทศนั้นๆ ประเมินว่า สามารถรับมือได้ กระนั้นในอีกหลายประเทศยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายของการแพร่ระบาดจากไวรัสโควิด-19 อย่างสาหัส และลดหลั่นความเสียหายลงมาตามมาตรการการควบคุมและป้องกันจากทางรัฐบาลของประเทศนั้นๆ และบริบททางการเมือง รวมไปถึงสภาพภูมิสังคมในแต่ละพื้นที่
ดังนั้น ถ้ามองในภาพรวมแล้ว วิกฤตการณ์ครั้งนี้ นับเป็นความเสียหายอันเกิดจากโรคระบาดที่เลวร้ายที่สุดอีกหนึ่งเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ก็ว่าได้ และยิ่งสร้างความหวั่นวิตกให้มากขึ้นไปอีก เมื่อความตึงเครียดต่อประเด็นปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมที่จะค่อยๆ เพิ่มมากยิ่งขึ้น หลังปัญหาทางด้านสาธารณสุขเริ่มคลี่คลาย ถึงขนาดมีการคาดการณ์กันว่า การกลับมาของ Great Depressionหรือ “ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่”ในปี ค.ศ. 1930 อาจเกิดขึ้นได้ในอีกไม่นานนี้ ซึ่งย่อมส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อองคาพยพทางเศรษฐกิจในทุกด้าน ตั้งแต่การเติบโตทางเศรษฐกิจ จำนวนหนี้สาธารณะ อัตราการจ้างงาน และที่สำคัญที่สุด นั่นก็คือ คุณภาพชีวิตของประชาชน ระบบต่างๆ เหล่านี้ ในปัจจุบันก็ค่อยๆ สั่นคลอนขึ้นเป็นระยะๆ จากจำนวนหนี้สาธารณะที่ทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้น พร้อมๆ ไปกับการเลิกจ้างและการปิดตัวของธุรกิจต่างๆ ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง
รายงานของกระทรวงแรงงานแห่งสหรัฐอเมริกา เมื่อช่วงกลางเดือนพฤษภาคม (2563) ได้เปิดเผยตัวเลขแรงงานชาวอเมริกันที่ออกมายื่นขอรับสวัสดิการการว่างงานในช่วงเวลาที่ผ่านมาว่ามีผู้ยื่นขอรับสวัสดิการเพิ่มขึ้นอีก 2.981 ล้านราย ส่งผลให้ยอดรวมในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นเกือบ 36.5 ล้านรายในขณะนี้ หรือคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 1 ใน 4 ของจำนวนประชากรวัยทำงานทั้งหมดของสหรัฐอเมริกา และเมื่อย้อนไปดูอัตราการถูกเลิกจ้างของชาวอเมริกันในเดือนเมษายน ก็มีมากถึง 20.5 ล้านคนส่งผลให้อัตราว่างงานของสหรัฐเพิ่มสูงขึ้นเป็น 14.7% ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลก ครั้งที่ 2 นี่คือตัวอย่างของสัญญาณที่บ่งบอกกับเราว่า ความวิตกกังวลทางด้านเศรษฐกิจและสังคมนั้น มีเหตุปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้ยากจะปฏิเสธได้
แน่นอนว่า ถ้ามองกลับมาที่บ้านเมืองของเรา แม้ความมั่นใจจากการจัดอันดับ Global COVID-19 Index(GCI) หรือ “การบริหารจัดการและฟื้นตัวจากโควิด-19” ที่ประกาศให้ประเทศไทยอยู่ที่อันดับ 2 ด้วยคะแนน83.23 จะทำให้เรารู้สึกปลอดภัย และอุ่นใจ เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ทั้งมาตรการด้านสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพ และความต้องการด้านพื้นฐานของประชาชนได้รับการบริหารจัดการให้สามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวก (อาหารและที่พักอาศัย) รวมไปถึงจำนวนผู้ติดเชื้อ และผู้ที่ทำการรักษาจนกลับมาเป็นปกติแล้ว แต่ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น และเป็นหนทางในการออกจากความวิตกกังวลทางด้านเศรษฐกิจและสังคมที่เราต้องให้น้ำหนักเป็นพิเศษในช่วงเวลาเช่นนี้ นั่นคือ “การฟื้นฟู” (Revival) เพื่อ “การเริ่มต้นครั้งใหม่” (New Beginning) ที่ “พวกเรา”หรือ “โลก” ต้องมีฉันทามติร่วมกัน และตกลงร่วมกันทำงานนี้ แล้วประสิทธิภาพสำหรับการเคลื่อนไหวครั้งนี้ จะเป็นแสงสว่างที่ปลายทางอย่างแท้จริง
นี่เป็นโอกาสสำคัญเหลือเกินที่เราจะยกระดับการศึกษา และคุณภาพชีวิต ทั้งในระดับครอบครัว ที่ทำงาน รวมไปถึงสังคมส่วนรวม สร้างการจัดสรรประโยชน์ของอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ น้ำมัน ก๊าซ และเทคโนโลยี หรือนวัตกรรมอันทันสมัยให้กระจายไปสู่ทุกคนอย่างทั่วถึง และเป็นธรรม ด้วยการเข้าไปมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการตัดสินใจต่างๆ สำหรับรูปแบบของการฟื้นฟูนั้น ควรต้องสร้างความร่วมมือร่วมใจกันในแต่ละภาคส่วนต่างๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากทรัพยากรที่มีจำกัด ไม่ว่าจะเป็นภาคเอกชนและภาครัฐ ในการดำเนินการในรูปแบบใดๆก็ตาม อาทิ การจัดตั้งกองทุนบรรเทาทุกข์ การดำเนินการตามนโยบายของรัฐ หรือการระดมอาสาสมัคร เป็นต้น
และแน่นอน การเบียดเบียนสิ่งแวดล้อม การละเลยเรื่องความเหลื่อมล้ำรวมไปถึงปัญหาวิกฤติทางสังคม ที่ถูกเพิกเฉยมานาน และปล่อยให้การบังคับใช้กฎหมายและสามัญสำนึกหย่อนยานลงไปในช่วงของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ต้องได้รับการปรับโครงสร้างเสียใหม่ เราต้องไม่ยอมให้กติกาแบบเดิมๆ การรับไม้ของหน่วยงานแบบเก่าๆ ปูทางให้กลุ่มคนเพียงกลุ่มเดียวกอบโกยความมั่งคั่งแบบผูกขาดด้วยอำนาจและทุนมหาศาล เพราะรูปแบบเช่นนี้จะนำพาโลกไปในทิศทางที่ไม่ยั่งยืน ขาดความเท่าเทียม และเปราะบางจนอาจนำไปสู่การล่มสลายทางสังคม การเมือง และเศรษฐกิจในอนาคตได้ ซึ่งการฟื้นฟูเพื่อการเริ่มต้นครั้งใหม่ ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะวิกฤติไวรัสที่ผ่านมา แสดงให้เห็นแล้วว่า เราสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว และยินดีที่จะเสียสละ รวมไปถึงการให้ความร่วมมือร่วมใจ ในประเด็นที่ทำให้เราปลอดภัย และมีความเป็นไปในทางที่ดีขึ้นของชีวิต และที่น่าประทับใจก็คือ เราเป็นหนึ่งเดียวกันได้ เรารู้จักที่จะให้ และเข้าใจที่จะรับ นี่เองที่ทำให้ความช่วยเหลือต่อกันในฐานะประชาชน เอกชน และภาครัฐหล่อเลี้ยงการอยู่ร่วมกันในช่วงเวลาที่ยากลำบากได้อย่างเหมาะสม เกื้อกูลและน่าประทับใจ ตรงนี้เองที่จะเป็น“จุดเริ่มต้น” ที่ดีสำหรับก้าวแรกที่จะเดินไปสู่ “การฟื้นฟู” (Revival) เพื่อ “การเริ่มต้นครั้งใหม่” (New Beginning)
ส่วนก้าวต่อไป ขอใช้ “เข็มทิศ” นำทางของ “Klaus Schwab” ผู้ก่อตั้งWorld Economic Forum ที่ออกมาแนะนำ 3 องค์ประกอบหลักของการฟื้นฟู ดังนี้
1.ทิศทางการค้าที่เป็นธรรม ซึ่งจะเกิดขึ้นได้นั้น ส่วนประกอบหลักๆ ก็คือ กฎระเบียบกติกา ระบบภาษี และนโยบายการคลัง ที่รัฐบาลต้อง “มีธง” ในการพัฒนาไปสู่ความเชื่อมั่นของ “ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทางเศรษฐกิจ” หรือ StakeholderEconomy เป็นสำคัญ ดังนั้น การรับฟังความคิดเห็น การคำนึงถึงผลกระทบ และประโยชน์ รวมไปถึงความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เป็นกลไกสำคัญที่ขาดไม่ได้ในการตรากฎหมายออกนโยบาย หรือการทำสัญญาทางการค้าใดๆ ก็ตามในนามของรัฐ
2.การลงทุนต้องมีเป้าหมายที่ร่วมกัน คือ ความแน่ใจว่าการใช้ทรัพยากรของประเทศ หรือเม็ดเงินในนามของรัฐบาลไปนั้น แล้วผลลัพธ์ที่ได้จะไม่สร้างความเหลื่อมล้ำ และเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่แท้จริง สองสิ่งนี้สำคัญมากในการเดินไปสู่อนาคต เพราะการกระจายอำนาจและผลประโยชน์ที่ทั่วถึง จะนำมาซึ่งการเจริญเติบโตแบบทุกส่วน และวิสัยทัศน์ในการพัฒนาไปสู่อนาคต เป็นการสร้างฐานทางเศรษฐกิจ สังคม และการดำเนินชีวิตที่ทุกคนควรได้รับ และส่งต่อไปยังคนรุ่นต่อไปอย่างห่วงใย และปรารถนาดีต่อกัน
3.การส่งเสริมนวัตกรรม เพื่อส่งเสริมสินค้า และการบริการสาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านสุขภาพและสังคม เพราะในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 เราได้เห็นบริษัท มหาวิทยาลัย และภาคส่วนอื่นๆ ร่วมกันพัฒนาวัคซีนสำหรับต้านและรักษา สร้างศูนย์ทดลอง กลไกติดตามที่มาของเชื้อ และเทคโนโลยีทันสมัยในการช่วยเหลือผู้ป่วย และเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ดังนั้น ความพิเศษตรงนี้ก็สามารถเกิดขึ้นได้ในภาคส่วนอื่น (Sector)เช่นกัน
ภายใต้ความมืดเรามีแสงสว่าง และนี่คือโอกาสที่เรามองเห็นจากวิกฤติในครั้งนี้ โอกาสในการคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และฟื้นฟูสิ่งใหม่ในการสร้างโลกให้มีความยั่งยืนขึ้นกว่าเดิม ซึ่งสำหรับก้าวสุดท้าย ไปสู่ปลายทางจะเป็นอย่างไร ไม่มีใครให้คำตอบที่ถูกต้องและชัดเจนที่สุดได้ เท่ากับเสียงในหัวใจของคุณ
"ต่างๆ" - Google News
June 28, 2020 at 06:00AM
https://ift.tt/385vzRA
คอลัมน์ผู้หญิง - การเริ่มต้นครั้งใหม่ (New Beginning) - หนังสือพิมพ์แนวหน้า
"ต่างๆ" - Google News
https://ift.tt/36O1zJu
Home To Blog
No comments:
Post a Comment